หมากของพระเจ้า

“โกะ เป็นเกมกระดานที่ต้องใช้ผู้เล่นสองคน แม้เป็นอัจฉริยะ แต่มีเพียงคนเดียว จะสร้างหมากให้ลือชื่อไม่ได้ จะต้องใช้อัจฉริยะที่มีฝีไม้ลายมือที่ทัดเทียมกันสองคน และเมื่อสองคนนี้มาเจอกัน หัตถ์เทวะนั้นก็จะใกล้เข้ามาอีกหนึ่งก้าว” อ.คุวาบาระ ฮงอินโบ กล่าวไว้ในเรื่อง “ฮิคารุเซียนโกะ” การ์ตูนญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเรื่องหนึ่ง มีเนื้อหาเกี่ยวกับโกะ  โดยโกะนั้นถือเป็นเกมกีฬาที่มีมานับพันปี มีการจดบันทึกการเล่นแต่ละกระดานไว้ที่เรียกว่า บันทึกหมาก มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้นักเล่นโกะสามารถศึกษาวิธีการเล่นของนักเล่นโกะในแต่ละยุคสมัยได้ และเชื่อกันว่า นักเล่นโกะที่เข้าใกล้หัตถ์เทวะนั้น ก็คือนักเล่นโกะที่สามารถมองเห็นรูปแบบการเดินหมากที่มนุษย์ทั่วไปคิดไม่ถึง มีเพียงพระเจ้าแห่งโกะเท่านั้นที่จะมองเห็นหมากในแต่ละตานั้น

ไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีการแข่งประลองของสุดยอดฝีมือ ระหว่าง Ke Jie มือวางอันดับหนึ่งของโลกฝ่ายมนุษย์จากจีน กับ AlphaGo (น่าจะ)มือวางอันดับหนึ่งของโลกฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในตอนนี้ จาก Google DeepMind ซึ่งใช้วิธีการเรียนรู้เชิงลึก(Deep Learning) ผลปรากฏว่า AlphaGo เอาชนะคู่ต่อสู้ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น 3 กระดานรวด หลังจบการแข่งขัน Ke Jie ให้ความเห็นว่า AI จะพัฒนาไปได้อีกไกลมาก และไม่มีทางที่มนุษย์จะเอาชนะเกมนี้จากปัญญาประดิษฐ์ได้อีกต่อไป ในขณะเดียวกัน ฝั่ง DeepMind ผู้พัฒนา AlphaGo ก็ออกมาประกาศให้มนุษยชาติเจ็บใจเล็กๆ ว่า ตั้งแต่นี้ไป AlphaGo จะหันไปให้ความสำคัญด้านอื่น เช่น การค้นพบทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์แทน จะวางมือไม่แข่งโกะกับใครอีกแล้ว หมายความว่า ถึงใครอยากจะแก้แค้น AlphaGo ก็จะไม่แข่งกับใครอีกแล้วนั่นเอง(ฮา) อย่างน้อยก็ช่วงนี้ แต่ก่อนจากไปก็ยังทิ้งมรดกที่สำคัญต่อวงการโกะ คือ บันทึกหมากที่ AlphaGo เล่นแข่งกันเอง จำนวน 50 เกม แม้การแข่งครั้งนี้จะถือเป็นครั้งที่สองที่ AlphaGo ขึ้นสังเวียนแข่งอย่างเป็นทางการ (ครั้งแรกแข่งกับ Lee Sedol นักเล่นโกะชาวเกาหลี ซึ่ง AlphaGo เอาชนะไป 4 ต่อ 1 เกม) แต่ก็ถือว่าเป็นการแข่งขันที่น่าจับตามองของวงการโกะ เพราะมีหลายช่วงที่ยอมรับกันว่าเป็น หมากของพระเจ้า เป็นการเดินหมากที่ไม่มีใครคาดคิด ทั้งจากทาง AlphaGo และผู้เล่นฝั่งมนุษย์ แน่นอนว่า ก่อนนั้น AlphaGo ได้มีการฝึกฝน(Training)โดยการแข่งทั้งกับตัวเองและนักเล่นโกะออนไลน์ทั่วโลก มาหลายพันหลายหมื่นเกม หรืออาจจะมากกว่านั้นหลายร้อยหลายพันเท่า ที่มากกว่านักเล่นโกะมนุษย์คนใดในโลกนี้เสียด้วยซ้ำไป จนได้รูปแบบ(Model)การเล่นที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ การถือกำเนิดขึ้นมาของ AlphaGo นี้ ถือเป็นจุดพลิกผันของของความคิดความเชื่อเดิมๆ หลายเรื่อง เช่น “ไม่มีทางที่คอมพิวเตอร์จะเล่นโกะชนะคนได้ ไม่จริงอีกต่อไป” “การเรียนรู้ที่เกินขีดจำกัดความเป็นมนุษย์” “คอมพิวเตอร์สามารถทำงานโดยไม่มีความรู้สึกกดดันเหมือนมนุษย์” และ “หมากของพระเจ้ามีจริง” การเดินหมากของ AlphaGo ทำให้เรารู้ว่า ยังมีรูปแบบที่มนุษย์เราคาดไม่ถึงหรือคิดไม่ได้ในตอนนั้นอีกมากมาย สิ่งนี้ทำให้หัวใจผมเต้นแรง ในฐานะคนเล่นโกะคนหนึ่งว่า แล้วอย่างนี้ แท้จริงแล้วความเป็นไปได้ของโกะแต่ละตานั้น มีมากมายมหาศาลเพียงใด สิ่งที่ AlphaGo คิดได้ จะเป็นสัดส่วนสักเท่าไหร่ของความเป็นไปได้ทั้งหมด คงเป็นคำถามที่ยังยากจะหาคำตอบ แต่สิ่งที่น่าคิดคือ การที่มนุษย์เรากำลังจะได้เรียนรู้ ศึกษาจากบันทึกหมากของการแข่งกันระหว่าง พระเจ้ากับพระเจ้า ทั้ง 50 กระดาน จะกระตุ้นให้มนุษย์เราพัฒนาศักยภาพ ขยายขีดจำกัดความสามารถออกไปได้อีกมากมายเท่าไหร่กัน ถึงจุดนี้ ในฐานะที่ผมก็เป็นนักวิจัยที่ทำงานด้านการทำให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้และเข้าใจความเป็นมนุษย์ ทำงานได้อย่างมนุษย์  ผมเริ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงอีกครั้งและแรงกว่าเดิม มือไม้เริ่มสั่น ในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่า ที่ผ่านมา ผมและนักวิจัยทั้งหลาย พยายามสร้างให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ในองค์ความรู้ที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมกลายเป็นว่า มนุษย์กลับเป็นฝ่ายที่กำลังต้องศึกษาองค์ความรู้ที่คอมพิวเตอร์เป็นผู้สร้างขึ้นเสียเอง ทำเอาผมตื่นเต้นกับอนาคตที่จะมาถึงเป็นอย่างมาก แล้วคุณผู้อ่านหละครับ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.